วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

ลักษณะและการดูแลครรภ์ จาก1-9เดือน

    หลังจากแต่งงานแฟนผมก็ตั้งครรภ์ ซึ่งในช่วงนั้นผมกับแฟนค่อนข้างอยู่กันไกล ตัวผมเองค่อนข้างกังวลถึงอนาคต เรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องเวลา และการเดินทาง จะดูและภรรยาอย่างไร ทำให้ พอแฟนบอกว่าท้องผมดันหลุดปากไปว่า "แย่แล้ว" ซึ่งคนเป็นพ่อจริงไม่ควรพูดคำนี้ เพราะคนที่เป็นภรรยาของเราต้องการให้เราตื่นเต้น  ดีใจ และด้วยความที่เป็นพ่อมือใหม่ ก็ต้องมาศึกษาครับว่า แต่และเดือน เจ้าตัวน้อยจะมีหน้าตาอย่างไร ตื่นเต้นทุกครังครับที่ไปซาวว์ และก็กังวลมาก คนเป็นพ่อแม่คงทราบกันดี ทีนี้เรามาดูซิครับว่าแต่ละเดือนเจ้าตัวน้อยจะมีหน้าตาอย่างไร

ลักษณะและการดูแลอายุครรภ์ตั้งแต่ 1-9 เดือน


ตั้งครรภ์ 1 เดือน
ใน เดือนแรกของการตั้งครรภ์ บางครั้งหรือส่วนมาก ไม่ทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ประจำเดือนที่ขาดหายไป ถ้าเป็นผู้ที่สนใจตัวเองจะทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น คือ เต้านมจะใหญ่แข็งมากขึ้น คัดและเจ็บ อารมณ์จะเปลี่ยนไป หงุดหงิด ความไร้เหตุผลมีมากขึ้น ใน 1เดือนแรกของการตั้งครรภ์นี้ ทารกในครรภ์จะมีขนาดเล็กมาก เพียงเท่าเมล็ดข้าว อยู่ในถึงน้ำคร่ำเล็กๆ ที่มีรกเกาะอยู่ผนังมดลูก ขณะนี้ตัวทารกน้อย ที่มีขนาดเล็กเท่าเมล็ดข้าวจะมีตุ่มยื่นออกมาที่กำลังพัฒนา เป็นแขนขา ระบบประสาทเริ่มเกิด และใกล้เคียงกับระบบไหลเวียนโลหิต ก็กำลังเริ่มสร้างเครือข่ายไปทั่วร่างกายของทารก
เมื่อมีความผิดปกติของ ระดู ควรจะตรวจสอบการตั้งครรภ์ เพื่อให้ทราบผลที่แน่นอน และถ้าท่านตั้งครรภ์ก็ควรละเลิกพฤติกรรมที่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพของทารก เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มกาแฟ และสุรา เป็นต้น ดังนั้น ท่านควรไปฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่นๆ นะคะ



ตั้งครรภ์ 2 เดือน
ใน เดือนที่ 2 ของการตั้งครรภ์นั้น เป็นเดือนที่สำคัญ เพราะเป็นเวลาที่ตัวอ่อนหรือทารกน้อยๆ จะมีการพัฒนา เจริญเติบโตของระบบประสาทและหลอดเลือด ขณะเดียวกันอวัยวะที่สำคัญก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ทำให้ระยะเวลาดังกล่าวนี้ ทารกจะเสี่ยงต่อการเกิดความพิการ ถ้าได้รับสารพิษเข้าไป ในเดือนที่ 2 นี้ตัวทารกจะมีความยาวประมาณ 1 นิ้วฟุต ซึ่งแม้จะมีขนาดเล็ก แต่ทารกก็จะมี แขน ขา หน้า รูปร่างเหมือนมนุษย์ขนาดจิ๋ว ขณะเดียวกันก็จะมีหัวใจที่เต้นทำงานบีบเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ผู้ตั้งครรภ์ในเดือนที่ 2 นี้ ก็จะมีอาการแพ้ท้อง เช่นเดียวกับเดือนแรก คือจะมีอาการแสบท้องอ่อนเพลีย หน้าอกโตขยายใหญ่ขึ้น ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงจะทำให้การย่อยอาหารช้าลง จะทำให้ผู้ตั้งครรภ์มักจะมีอาการท้องอืดเฟ้อ ท้องผูก และผู้ที่ตั้งครรภ์จะรู้สึกหน้ามืด เป็นลมบ่อยๆ



ตั้งครรภ์ 3 เดือน
ใน เดือนที่ 3 ของการตั้งครรภ์ อาการแพ้ท้องอาจจะยังมีอยู่หรือเริ่มจะดีขึ้น อารมณ์ของผู้เป็นแม่จะเริ่มคงเส้นคงวา ในช่วงเดือนที่ 3 นี้ ด้วยเครื่องมือตรวจการทำงานของหัวใจ อาจจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ ซึ่งถ้าผู้เป็นแม่ได้ยินแล้วจะรู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น และน่าประทับใจ ในวัยนี้ทารกจะมีขนาดโดยประมาณ 3 นิ้วฟุต อวัยวะต่างๆ จะเกิดจนครบและกำลังพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ อวัยวะต่างๆ ก็เริ่มทำงานได้แล้ว สำหรับวัยขนาดครรภ์ 3 เดือนนี้เครื่องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง ยังไม่สามารถบอกเพศได้ว่าเป็นหญิงหรือชาย
สำหรับการเปลี่ยนแปลงของร่าง กายนั้น จะเริ่มพบว่ามีอาการบวมของฝ่ามือ ฝ่าเท้า รวมทั้งเส้นเลือดก็จะเริ่มโป่งให้เห็นเป็นลักษณะเส้นเลือดขอดได้ง่ายขึ้น



ตั้งครรภ์ 4 เดือน
การ ตั้งครรภ์ในระยะนี้ นับเป็นเดือนแรกของไตรมาสที่สอง อาการแพ้ท้องในเดือนนี้มักจะหายไป เริ่มทานอาหารได้มาก ทำให้น้ำหนักเริ่มมากขึ้น อารมณ์เข้าสู่สภาพปกติ แต่ยังอาจจะมีสภาพใจลอย อาการตกขาวอาจจะมีมากขึ้น เส้นเลือดขอดและ ริดสีดวงทวารจะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าคนทั่วไป จากการขยายตัวของมดลูกอย่างรวดเร็ว ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงต่อระบบไหลเวียนของโลหิต
ในปลายเดือนที่ 4 นี้ ผู้เป็นแม่อาจจะรู้สึกได้ถึงการดิ้นของทารกในครรภ์ ถ้าเคยมีประสบการณ์ในการตั้งครรภ์มาก่อน จะมีความรู้สึกว่าลูกดิ้นจะมีลักษณะเป็นอย่างไร ซึ่งตรงข้ามกับหญิงตั้งครรภ์แรกทารกในครรภ์ขณะนี้จะยาวประมาณ 4 นิ้วฟุต ทารกสามารถจะดูด กลืน เคลื่อนไหวได้คล้ายกับมนุษย์ทั่วไปที่ตัวเล็กๆ นั่นเอง แต่ก็ยังอ่อนแอไม่สามารถมีชีวิตอยู่นอกโพรงมดลูกได้



ตั้งครรภ์ 5 เดือน

ขอ แสดงความยินดีด้วยนะคะการตั้งครรภ์ได้ผ่านมาครึ่งทางแล้ว ขณะนี้ผู้เป็นแม่มักจะมีความรู้สึกถึงการดิ้นของทารกได้ การดิ้นครั้งแรกๆ จะรู้สึกเบาและห่าง ซึ่งจะค่อยๆ ดิ้นแรงขึ้นๆ และถี่ขึ้นๆ ขณะนี้ผู้เป็นแม่มักจะมีอารมณ์ดี ไม่ซึมเศร้า ทารกในขณะเดือนที่ 5 จะมีขนาดประมาณ 10 นิ้วฟุต ศรีษะทารกยังค่อนข้างโต มีการเคลื่อนไหวของแขนขาและคอได้ดี นิ้วมือและนิ้วเท้าแยกกันชัดเจน อวัยวะเพศสามารถแยกได้ชัดเจนว่าเพศหญิงหรือเพศชาย ทารกจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้เป็นแม่ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะสร้างความวิตกกังวลให้แก่ตนเองได้ คือ การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง จะมีผิวสีเกิดขึ้น ทั้งที่ใบหน้าหรือหน้าท้อง ที่หน้าจะทำให้เกิดสิว ฝ้า ซึ่งจะค่อยๆ จางหายไปหลังคลอด
ขอให้คุณแม่ ทั้งหลายที่ตั้งครรภ์มาถึงขณะนี้ ได้มีความอดทนต่อภาวะการตั้งครรภ์ต่อไป อีกไม่นานนักท่านจะได้เห็นลูกน้อยที่น่ารักออกมาจากครรภ์



ตั้งครรภ์ 6 เดือน

เดือน ที่ 6 เป็นเดือนที่ทารากจะดิ้นได้ดี บางครั้งก็จะเกิดความเจ็บปวดจากการดิ้นได้ ถ้าทารกดิ้นเข้าไปกระแทกกระเพาะปัสสาวะ หรือ ชายโครง สำหรับในเดือนที่ 6 นี้ มดลูกจะขยายใหญ่มากขึ้น จนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังหน้าท้อง คือจะเกิดผิวหนังแตกเป็นลาย ที่เรียกว่าหน้าท้องลาย จะมีอาการคันตามมา ในช่วงเดือนนี้ อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นกับการตั้งครรภ์ เช่น การเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์ อาการพิษแห่งครรภ์ การอักเสบติดเชื้อราจะพบได้ง่ายมาก และการอักเสบในระบบทางเดินปัสสาวะพบได้บ่อยขึ้น ซึ่งจะต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ในส่วนของทารก ขณะนี้มีขนาดยาวประมาณ 13 นิ้วฟุต น้ำหนักประมาณ 700-800 กรัม ตาทารกเริ่มลืมและนิ้วมือเริ่มมีลายนิ้วมือ แต่ผิวหนังยังไร้ไขมัน ถ้าทารกคลอดก่อนกำหนดในเดือนดังกล่าวนี้ โอกาสจะเลี้ยงรอดยากมาก



ตั้งครรภ์ 7 เดือน

เป็น การเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ท้องโตมากขึ้น คุณแม่จะรู้สึกได้ดีถึงการเคลื่อนไหวของทารก ท้องที่โตมากขึ้นทำให้คุณแม่หายใจเร็วขึ้น เพราะมดลูกที่โตจะมาดันกระบังลมทำให้หายใจได้สั้น ๆ คุณแม่จะรู้สึกถึงความอุ้ยอ้าย เคลื่อนไหวไม่คล่องแคล่ว นอนหลับไม่ได้เต็มที่จากการที่ทารกในครรภ์จะตื่น และตัวมดลูกเองก็จะบีบตัวเป็นระยะห่าง ๆ กัน เป็นการเริ่มต้นการหดรัดตัวของมดลูก ซึ่งจะรุนแรงมากขึ้นแต่ก็ไม่ถึงกับมีการเจ็บปวดเกิดขึ้น และจะบีบรัดตัวครั้งละไม่นานเกิน 30 วินาที ในระยะนี้คุณแม่ควรจะได้เข้าอบรมเรียนรู้ขั้นตอนการเตรียมคลอด เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวได้ถูกต้องเมื่อเจ็บครรภ์คลอดและเข้าสู่กระบวนการคลอด ในช่วงระยะนี้คุณแม่จะมีน้ำหนักตัวเฉลี่ยเพิ่มสัปดาห์ละ ครึ่งกิโลกรัม ทารกในครรภ์ขณะนี้จะมีน้ำหนัก 1 กิโลกรัมโดยประมาณ ทารกในครรภ์จะมีการเคลื่อนไหวและปฏิกิริยาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การจาม ดูดมือ ดูดนิ้วเท้า



ตั้งครรภ์ 8 เดือน

ขณะ นี้ท้องจะใหญ่มากขึ้นจนคุณแม่จะรู้สึกถึงความอึดอัด ท้องที่โตขึ้นทำให้พื้นที่ปอดขยายลดลง คุณแม่จะเหนื่อยง่าย หายใจเร็วสั้น กระเพาะปัสสาวะจะถูกกด ทำให้ต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะบ่อย ๆ โดยเฉพาะเวลานอนก็จะถูกรบกวนได้จากการที่ต้องลุกไปปัสสาวะ และจากการดิ้นที่รุนแรงของเด็กทารกในครรภ์ ซึ่งขณะนี้การเจริญเติบโตของระบบกล้ามเนื้อมากขึ้น อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอบ่อย ๆ จะพบได้ เพราะการย่อยอาหารถูกกระทบกระเทือนไป จะมีอาการของหลอดอาหารอักเสบตามมา มือเท้า จะบวม เริ่มเป็นตะคริวบ่อยขึ้น ท้องผูกจะเป็นสิ่งปกติของคุณแม่ระยะนี้ ตกขาวจะมีมากขึ้น ในบางคนจะมีน้ำนมไหลออกมา ซึ่งเป็นหัวน้ำนมก็ว่าได้ เพราะมีคุณค่าทางอาหารสูง ทารกขณะนี้จะมีน้ำหนักโดยประมาณ 2 กิโลกรัม คุณแม่ควรจะต้องเรียนรู้กระบวนการคลอด และสังเกตถึงความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น น้ำเดิน เป็นต้น ควรจะได้เตรียมเครื่องใช้สำหรับการเข้าอยู่ในโรงพยาบาลไว้ให้พร้อม



ตั้งครรภ์ 9 เดือน

สำหรับ ท่านที่ตั้งครรภ์มาจนถึงเดือนที่ 9 พอเข้าเดือนที่ 9 คุณก็เริ่มนับถอยหลังได้แล้ว วันเวลาแห่งการรอคอยจะมาถึงในไม่ช้าไม่นาน ท้องที่โตขึ้นจะลดลงจนคุณแม่รู้สึกได้ เพราะตัวเด็กทารกในครรภ์เริ่มลงสู่เชิงกราน คุณแม่จะรู้สึกโล่งขึ้นและหายใจได้ดีขึ้น คล่องแคล่วขึ้น แต่จะหน่วงในช่วงเชิงกรานมากขึ้น เพราะส่วนนำของทารกจะลงไปกดอวัยวะในช่องเชิงกราน อาจจะปวดที่หัวเหน่า ปวดที่โคนขาจากการกดทับเส้นประสาทขา ปัสสาวะจะบ่อยขึ้นมาก ทารกในครรภ์จะดิ้นน้อยลงบ้างแต่ไม่มากนัก การสังเกตการดิ้นของทารก ถือเป็นการเฝ้าระวังต่อสุขภาพเด็กทารกที่ดีที่ผู้เป็นแม่ควรปฏิบัติ โดยสังเกตดูใน 1 ชั่วโมงหลังอาหาร เด็กทารกในครรภ์ต้องดิ้นไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง ถ้าน้อยกว่าให้สังวรว่า อาจจะมีความผิดปกติเกิดแก่ทารก ควรเข้าพบแพทย์โดยเร็ว ทารกในครรภ์ขณะนี้จะมีน้ำหนักตัวโดยเฉลี่ยประมาณ 2.5 กิโลกรัม ในอีกไม่ช้าไม่นาน ไม่แน่ว่ากลางวันหรือกลางคืน คุณจะมีสมาชิกใหม่ของครอบครัวเพิ่มขึ้น
ที่มา : http://www.bangkokhealth.com/

           ในช่วงตั้งครรภ์ แฟนอาจหงุดหงิด  อยากกินอะไรแปลก  และเหม็นนั่นนู่นนี่ ก็เป็นปกติครับ ควรบำรุงอาหารที่มีคุณค่า  แฟนผมกินอะไรไม่ได้เลยเหม็นไปหมด กินได้แต่ปลาร้า อยากกินใบมะม่วงหิมมะพาน นมเสริมก็ไม่กินครับ กินได้เฉพาะน้ำเต้าหู้  เจ้าตัวน้อยเลยมีน้ำหนัก 2.5 ซึ่งก็ดีต่อการคลอดเองครับ ถ้าตัวใหญ่กว่านี้คงลำบาก 

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วันสำคัญ

           วันสำคัญของไทยมีเยอะจนจำไม่ได้ แต่เนื่องจากผมกับแฟนอยู่คนละที่เนื่องจากผมต้องมาทำงานที่กรุงเทพ ทำให้ต้องคอยให้ถึงวันสำคัญ ซึ่งผมเจอเว็บ www.tungsong.com มันทำให้รู้ว่าวันสำคัญของไทยมันเยอะจริงๆ ครับ


มกราคม 
 
กุมภาพันธ์
 
มีนาคม
 
เมษายน
 
พฤษภาคม
 
 มิถุนายน
 
กรกฎาคม
 
สิงหาคม
 
กันยายน
 
ตุลาคม
 
พฤศจิกายน 
 
ธันวาคม
 
ที่มา : http://www.tungsong.com/Important_Day/index_importantday.php
 
ค้นหาวันอื่นๆ เพิ่มได้ครับ ของเค้าดีจริงๆ 
ถ้าหยุดให้ครบ นี่คงดีเนอะ
 

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อาการไฮเปอร์เวนติเลชัน

   ผมพบกับแฟนที่ภูกระดึง ตลอดเวลาเธอก็ร่าเริงดีครับ แม้เส้นทางจำลำบาก หลังจากที่คบกัน ก็มีเรื่องทะเลาะกันบ้าง เธอจะมี อาการ ไฮเปอร์เวนติเลชัน  เป็นภาวะความเครียสทางอารมณ์  จะมีอาการเกร็งมือเท้า หายใจลึกและเร็ว ทำให้ร่างกายได้รับก๊าซออกซิเจน มากกว่าที่ร่างกายต้องการ หอบ เหมือนจะขาดใจ วิธีรักษา ผมอ่านจาก internet และถามหมอที่รู้จัก เขาแนะนำให้ใช้ถุงครอบระหว่างปากและจมูก (ควรใช้ถุงกระดาษ) แต่ผมตกใจถุงอะไรก็คว้าไว้ก่อน หรือกลวยคลอบระหว่างปากและจมูกเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์บ้าง แล้วบีบหนวดเพื่อให้ผู้ป่วยผ่อนคลาย เค้าบอกว่าอาการแบบนี้ไม่เป็นอันตราย (แต่เวลาเป็นเธอเป็นผมว่าอันตรายเลยแหละครับ) พยายามให้เธอ ไม่เครียส ก็จะไม่ปรากฎอาการ ไม่ต้องหายารับประทาน แต่ถ้าเป็นบ่อยก็ควรพบแพทย์เพื่อความสะบายใจครับ
    นี่ก็เป็นอีกโรคที่ผมไม่รู้มาก่อนว่า มันมีอยู่ในโลกนี้ด้วย และผมก็เห็นบ่อยขึ้นหลังจากที่รู้จักโรคนี้แล้ว ซึ่งถ้าเพื่อนๆ เจออาการแบบนี้ ก็ลองรักษาเบื้องต้นได้ครับ แต่ทางที่ดีที่สุด ขอย้ำครับว่า "อย่าทำให้เธอโกธร"

วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง


           ผมไม่ได้มีโอกาสได้เที่ยวมากมายและไม่ใช่นักท่องเที่ยว แต่สถานที่แรกที่ไปแล้วรู้สึกว่ามันคือการเดินทางจริงๆ มันคืออีกโลกหนึ่ง ก็คือ"ภูกระดึง" ที่ที่เคยได้ยินชื่อมานาน ที่ที่ได้ยินข่าวว่าจะสร้างกระเช้าขึ้นไปยอดภูเพื่อเปิดโอกาสให้คนได้พบเห็นความสวยงาม แต่ก็ไม่เคยได้รู้สึกอะไรต่อจากนั้น
           จนกระทั่งมีรุ่นน้องได้ชวนผมขึ้นไป เริ่มต้นด้วยความสนุกสนานครับ อากาศกำลังเย็นสบายหนาวพอเป็นพิธี น้องแนะนำให้จ้างลูกหาบแบกกระเป๋าขึ้นเพราะระยะทางมันไกล ผมนึกไม่ออกว่าไกลแค่ไหน
ก็เลยทำตามครับ แล้วเริ่มต้นเดินทาง ผมสังเกตเห็นว่ามีคนทุกเพศ ทุกวัย สังเกตจากของใช้ก็มีทั้งรวยและไม่รวยปะปนกันไป แต่จุดหมายคือที่เดียวกัน "ยอดภู"


           ซำแฮก  เป็นซำแรกครับที่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "หอบแฮก" ดูจากแผนที่แล้วกันครับว่าไกลแค่ไหน
มันเพิ่งเริ่มต้นครับ คณะผมไม่มีแผนที่ มีแต่รุ่นน้องที่เคยมาแล้วเป็นคนนำไปครับก็เลยไม่รู้ว่า มันอีกเท่าไรรู้อย่างเดียวครับ คือ มันไกลมากแล้ว ต่อจากนั้นเราก็ไม่ได้สนใจอะไรครับ เดิน กับเดินครับ
           ลูกหาบ  เป็นกลุ่มคนกลุ่มแรกที่ผมประทับใจครับ แค่ผมเดินอย่างยังแย่เลยครับ แต่พวกเขา ทั้งเด็ก  หนุ่มสาว และคนแก่ เขาไม่ย่อท้อกับความเหน็ดเหนื่อยและนำหนักที่แบกกันเลย เพื่อแลกกับเงินซึ่ง 1 ปี จะมีแค่ช่วงเดียว แต่ก็มีบางคนอุตสาห์หอบเหล้าเบียร์ขึ้นไป ได้ใจจริงๆ ลูกหาบหาบทุกอย่างครับ ทุกอย่างจริงๆ และสิ่งที่ไม่น่าหาบเลยคือ น้ำแข็งครับ เอาไปสำหรับแช่อาหารบ้าง ขายบ้าง ไม่รู้ว่าถ้าเราขึ้นไม่ไหวเขาจะหาบเราขึ้นหรือเปล่า แต่ผมไม่เอาด้วยหรอกครับ


           ในที่สุดก็มาถึงหลังแป ครับ พวกเราถอนหายใจแล้ว ก็วิ่งถ่ายรูปพร้อมหาที่พัก น้องที่นำทางบอกว่า ยังไม่ถึงค่ะ เดินอีกประมาณ 3 กม. ไม่สนุกเลยครับเดินขึ้นเขา 5 กม. แล้วยังต้องไปอีก 3 กม.



          เราเดินมากางเต้นที่ศูนย์บริการวังกวาง โดยรอกระเป๋าที่ลูกหาบ หาบให้เราอยู่นาน จนพื้นที่กางเต้นเริ่มหมด ในที่สุดนักท่องเที่ยวทั้งหลายก็หาตำแหน่งที่ดีที่สุดของตนเอง  โดยสันติ รอบข้งมีแต่เสียงหัวเราะ และอาการบ่น ถึงความเหนื่อย แต่ภูกระดึงก็สอนเราอยู่ดี


            เรานอนพักที่นี่ อากาศหนาวเย็นปนน้ำค้าง ผมเอาเสื้อกันหนาวไป 3 ตัว ครับ ใส่ครบอึดอัดมาก
พื้นเปียกๆแฉะๆ ไม่สบายเลยครับ เสียงเต็นท์ข้างๆ เล่นพิณท้าความหนาวกับเหล้า 40 สินค้าราคาคูณสองครับ แต่เห็นการขนย้ายแล้วต้องบอกว่าเกินคุ้มครับ
            Chaw วันนี้ต้องไปดูดวงอาทิตย์ที่เห็นอยู่ทุกวัน แต่วันนี้ต้องตื่น ตี 5 เพื่อรอดู "แสงแรก"

           รออยู่นานครับ พอมาก็มาแป๊บเดียว

           หลังจากนั้นเราก็เดินไปดูสถานที่่สำคัญครับ "ผาหล่มสัก"  และขากลับก็เดินดูจุดต่างๆ  ตกลงวันนี้ใช้เวลาทั้งวันครับ

            ตอนอยู่บนภูบอกกับตัวเองเลยครับว่าจะไม่มาอีก แต่หลังจากกลับลงมา คิดถึงแต่ภูครับ
มันลำบาก มันเหนื่อย  แต่สนุกครับ  ขากลับผมเดินสวนกลับคนที่กำลังขึ้น ในใจคิดว่า "เดี๋ยวก็รู้"
บางคนแก่แล้วครับยังมาเลย บางคนอุ้มลูกขึ้นภู มันเป็นภาพที่น่ารักมาก



            สุดท้ายผมมานึกถึง "เสน่ห์ของภูกระดึงไม่ได้อยู่ที่สนสามใบ  ไม่ได้อยู่ที่ความหนาว  ไม่ได้อยู่ที่ผาหล่มสัก แต่เสน่ห์ของภูกระดึง มันอยู่ที่ประสบการณ์ระว่างการเดินทางมากกว่า" ใครที่ยังไม่เคยไปลองไปดูครับ ส่วนคนที่เคยไปแล้วผมหวังว่า คุณคงโดนเสน่ห์ ของภูกระดึงเข้าอย่างจังเหมือนกัน


เรารัก"ภูกระดึง"



วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

สวัสดีปีกระต่าย

สวัสดีปีกระต่ายครับขอให้เศรษฐกิจของไทยกระโดดเหมือนกับกระต่าย
อะไรก็ขอให้ดีๆ และอย่างยิ่งขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรงร่ำรวยถ้วนหน้าทุกท่านเลยครับ
ผมว่าจะเขียนblongตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่ได้เขียนสักทีวันนี้เลยขอเขียนเป็นวันแรก"ลุ้นอยู่ครับว่า
ใครจะเข้ามาคนแรก"